ทีมนักวิจัยจากศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของจีนในปักกิ่ง พบโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ คือ เชื้อ เอช 10 เอ็น 8 (H10N8)  ที่ทำให้หญิงชราวัย 73 ปี 1 ราย เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2556 หลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคปอดอักเสบรุนแรงและระบบหายใจล้มเหลว และพบผู้ติดเชื้อรายที่ 2 เมื่อเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2557 โดยประเด็นที่กังวลคือ การที่ไวรัสสายพันธุ์นี้มีการกลายพันธุ์จนอาจสามารถติดเชื้อในเนื้อเยื่อภายในปอด และอาจมีคุณสมบัติที่ถ่ายทอดระหว่างคนกับคนได้ ซึ่งถือเป็นสายพันธุ์ที่ 5 ที่มีการค้นพบในรอบ 17 ปี

          สำหรับไวรัสสายพันธุ์ H10N8 นั้นมีการกลายพันธุ์ในโปรตีนฮีแมกกลูตินิน ซึ่งอยู่บนผิวหน้าไวรัสและทำให้ไวรัสสามารถเกาะติดกับเซลล์อื่นๆ บ่งชี้ความสามารถในการติดเชื้อในเนื้อเยื่อระดับลึกอย่างเช่นในปอด แทนที่จะเป็นทางเดินหายใจส่วนบน เช่น หลอดลม

          ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กล่าวว่า แนวโน้มการระบาดรุนแรงของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งการค้นพบผู้ติดเชื้อถือเป็นสัญญาณเตือนให้ระมัดระวังการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จากสัตว์สู่คน เช่น H7N9 ในจีนซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้อันตราย ดังนั้น จึงสมควรมีการติดตามตรวจสอบ H10N8 อย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน

          ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีการติดเชื้อทั้งในสัตว์และในคน ยกเว้นสายพันธุ์ H5N1 ซึ่งพบผู้ป่วยรายสุดท้ายเมื่อปี 2549 และไม่มีรายงานการเกิดโรคในสัตว์ปีกตั้งแต่ พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา แต่ยังมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคดังกล่าว เนื่องจากภูมิภาคใกล้เคียงยังพบผู้ป่วยไข้หวัดนกอย่างต่อเนื่อง และประชาชนเดินทางข้ามพรมแดนตลอดเวลา จึงยังคงเน้นมาตรการเฝ้าระวังโรคทั้งในคนและในสัตว์ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงอาการรุนแรง 4 กลุ่ม ได้แก่

1. ผู้ที่มีโรคประจำตัว
2. หญิงกำลังตั้งครรภ์
3. เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ
4. ผู้สูงอายุ

คําแนะนําทั่วไปในการป้องกันโรคไข้หวัดนก

• รับประทานเนื้อไก่และไข่ที่ปรุงสุก
• ล้างมือบ่อยๆ และทุกครั้งหลังการสัมผัสสัตว์ปีกด้วยสบู่และน้ำสะอาด
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีอาการป่วยหรือตายเอง หากไปที่ตลาดค้าสัตว์ปีกที่มีชีวิต ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ รวมทั้งพื้นผิวที่สัตว์เหล่านั้นอยู่
• หากมีอาการเป็นไข้ ไอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเคยสัมผัสสัตว์ปีก หรือเป็นผู้ป่วยปอดบวม ให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติสัมผัสโรค และประวัติการเดินทาง
• ห้ามนําซากสัตว์ปีกที่ป่วยตายไปรับประทานหรือให้สัตว์อื่นกิน ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
• หากต้องสัมผัสกับสัตว์ปีกในระยะที่มีการระบาดในพื้นที่ ให้สวมหน้ากากอนามัยและสวมถุงมือ
• การเดินทางระหว่างประเทศยังสามารถเดินทางได้ตามปกติ ไม่จําเป็นต้องจํากัดการเดินทาง
• ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ปีก รวมทั้งนกธรรมชาติ