ผลไม้ในเมืองไทยมีอยู่มากมายหลายชนิด ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามฤดูกาล และในแต่ละพื้นที่ก็จะมีผลไม้แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ทั้งสภาพอากาศ สภาพแวดล้อม สภาพพื้นที่ ฯ ผลไม้แต่ละอย่างก็ล้วนแต่มีรสชาติอร่อยกันไปคนละแบบ อยู่ที่ว่าใครจะถูกใจรสชาติของผลไม้ชนิดไหนมากกว่ากัน และผลไม้แต่ละอย่างก็มีรูปลักษณ์แตกต่างกันด้วย
สำหรับวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับผลไม้ชนิดหนึ่ง รูปกายภายนอกดูแปลกตา แต่รสชาติเนื้อในอร่อยจนหลายคนอาจจะติดใจกันเลย แถมยังมีคุณประโยชน์มากมายเสียด้วย อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าผลไม้ที่ว่านี้คืออะไร ผลไม้ที่เราจะพาไปรู้จักก็คือ "แก้วมังกร" ค่ะ
"แก้วมังกร" มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Dragon Fruit" ชาวยุโรปเรียกว่า "Pitaya" ชาวเวียดนามเรียกว่า "ธานห์ลอง" ชาวกัมพูชาเรียกว่า "สกราเนียะ" ส่วนชาวไทยก็เรียกว่า "แก้วมังกร" นี่ล่ะค่ะ และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hylocereus undatus (Haw) Britt. Rose. อยู่ในวงศ์ Cactaceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับกระบองเพชรค่ะ
แก้วมังกรมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบอเมริกากลาง สันนิษฐานว่าเข้ามาในเอเชียโดยบาทหลวงฝรั่งเศสเป็นผู้นำพันธุ์พืชนี้มาปลูกในเวียดนามเมื่อ 100 ปีก่อน ในเวียดนามจึงนิยมปลูกกันมาก ปลูกตามบ้านเป็นผลไม้ท้องถิ่นเลยก็ว่าได้ ส่วนในประเทศไทยเรามีผู้นำแก้วมังกรเข้ามาปลูกนานแล้ว แต่ไม่เป็นที่รู้จัก จนเมื่อปี พ.ศ. 2534 ได้มีการนำเข้าต้นพันธุ์ดีจากเวียดนาม เพื่อมาปลูกเป็นผลไม้เศรษฐกิจ เราถึงได้รู้จักแก้วมังกรกันมากขึ้น สำหรับในไทย แก้วมังกรสามารถปลูกได้ทั่วประเทศ แต่แหล่งปลูกที่สำคัญคือ จันทบุรี ชลบุรี กาญจนบุรี สระบุรี และสมุทรสงคราม แก้วมังกรจะออกผลมากในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายนค่ะ ใครอยากกินก็ต้องรอช่วงนี้นะคะ
แก้วมังกรมีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ พันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดงที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป พันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลือง พันธุ์นี้หายากนะคะ และพันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง พันธุ์นี้ก็พอมีให้เห็นอยู่ค่ะ สรุปแล้วแก้วมังกรที่มีอยู่ทั่วไปในบ้านเราก็คือพันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง และพันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดงค่ะ รสชาติหวานกำลังดี แต่ถ้ายังหวานไม่พอต้องลองทานแบบโรยน้ำตาลค่ะ ถูกใจคนชอบหวานแน่นอน แต่ทานหวานมากไปก็ไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ หวานธรรมชาติดีกว่าค่ะ
นอกจากรสชาติจะอร่อยแล้ว แก้วมังกรยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยนะคะ อย่างแรกเลยคือแก้วมังกรช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เพราะทานแก้วมังกรแล้วจะรู้สึกอิ่มเร็ว มีกากใยสูง แต่มีแคลอรี่ต่ำ มันช่างเหมาะกับการลดน้ำหนักจริงๆ ค่ะ และในแก้วมังกรยังมีสารมิวซิเลจ (Mucilage) ซึ่งมีเฉพาะในพืชตระกูลกระบองเพชร มีลักษณะเป็นวุ้น ช่วยดูดซับน้ำในร่างกาย ควบคุมระดับกลูโคสในคนที่เป็นโรคเบาหวานได้ ช่วยบรรเทาโรคโลหิตจาง เพิ่มธาตุเหล็ก ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคมะเร็งลำไส้และต่อมลูกหมาก เสริมสร้างภูมิต้านทานของกระดูกและฟัน โดยเฉพาะพันธุ์เนื้อแดงจะมีสารไลโคปีนต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้
นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงผิวพรรณ ชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ดับร้อนดับกระหาย มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ดูดซับสารพิษต่างๆ ปรับสมดุลในลำไส้ และแก้ปัญหาการขับถ่ายให้ดีขึ้นได้อีกด้วย แก้วมังกรสรรพคุณดีขนาดนี้ ต้องรีบไปหามาทานกันแล้วล่ะค่ะ