ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอแหล่งมรดกโลกในประเทศไทยไปแล้ว 2 แห่ง คือ เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร กับนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร ตอนนี้เราจะพาไปรู้จักกับแห่งที่ 3 ค่ะ นั่นก็คือ "แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง" ไปดูกันเลยนะคะ
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญแห่งหนึ่งของไทยค่ะ ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี แหล่งโบราณคดีแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ถึงการดำรงชีวิตในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งย้อนหลังไปถึง 5,000 ปีค่ะ เราจะได้เห็นร่องรอยของมนุษย์ในสมัยนั้น ได้เห็นถึงวัฒนธรรมที่เริ่มมีพัฒนาการในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความรู้ความสามารถหรือภูมิปัญญา ซึ่งเป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตและสร้างสังคมวัฒนธรรมของมนุษย์สืบเนื่องต่อกันมายาวนานค่ะ
วัฒนธรรมบ้านเชียงได้ครอบคลุมถึงแหล่งโบราณคดีอื่นๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกกว่าร้อยแห่งด้วย ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ที่มีมนุษย์อาศัยอยู่หนาแน่นมาตั้งแต่หลายพันปีแล้วค่ะ ด้วยเหตุนี้เององค์การยูเนสโกจึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี พ.ศ. 2535 โดยผ่านหลักเกณฑ์ข้อที่กล่าวว่า "เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว"
เราพบอะไรในแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงบ้าง? สิ่งที่พบคือโครงกระดูกมนุษย์ เครื่องมือเครื่องใช้ และเครื่องประดับในยุคก่อนประวัติศาสตร์ค่ะ มีทั้งที่เป็นเครื่องปั้นดินเผาและสำริด แต่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคือเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง
เครื่องปั้นดินเผาของบ้านเชียง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ยุค ได้แก่
เครื่องปั้นดินเผายุคต้น มีอายุ 5,600-3,000 ปี มีลายเชือกทาบ ซึ่งคาดกันว่าน่าจะใช้ปอกัญชา มีลายขูดขีด มีการเขียนสีที่บ่า โดยพบวางคู่กับโครงกระดูก และบางใบใช้บรรจุศพเด็กด้วย
เครื่องปั้นดินเผายุคกลาง มีอายุ 3,000-2,300 ปี ในยุคนี้จะเริ่มมีการขีดทาด้วยสีแดงแล้ว
เครื่องปั้นดินเผายุคปลาย มีอายุ 2,300-1,800 ปี เป็นยุคที่มีลวดลายสวยงามที่สุด มีลวดลายพิสดาร สะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคม ก่อนจะกลายมาเป็นการเคลือบด้วยน้ำโคลนสีแดงขัดมัน
บรรดาสิ่งของที่ค้นพบในแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จะนำไปจัดแสดงและเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมได้ ถ้าใครสนใจก็ลองหาเวลาเข้าไปเที่ยวชมกันดูนะคะ อย่างน้อยเราก็จะได้เห็นบางส่วนของวัฒนธรรมโบราณในประเทศไทยของเรา ผ่านทางบรรดาสิ่งของเหล่านี้ค่ะ