ในประเทศไทย มีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้ในบัญชีรายชื่อมรดกโลกทั้งหมด 5 แห่งด้วยกัน คือ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร และผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่
จากทั้งหมด 5 แห่งนี้ เราได้เคยนำเสนอไปแล้วหนึ่งแห่ง คือ เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร คราวนี้เราจะพาไปรู้จักอีกแห่งหนึ่งค่ะ นั่นก็คือ นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร ไปดูกันนะคะว่านครประวัติศาสตร์แห่งนี้มีเรื่องราวอะไรบ้าง
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร ได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกในปี พ.ศ. 2534 ด้วยหลักเกณฑ์มาตรฐานที่กล่าวว่า "เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่หาได้ยากยิ่ง หรือเป็นหลักฐานแสดงขนบธรรมเนียม ประเพณี หรืออารยธรรม ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่ หรืออาจสูญหายไปแล้ว"
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาตั้งอยู่ในเกาะเมืองอยุธยา ประกอบด้วยโบราณสถานและโบราณวัตถุมากมายทั้งในเกาะเมืองและรอบเกาะเมือง เช่น วัดไชยวัฒนาราม วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดพนัญเชิงวรวิหาร วัดมหาธาตุ วัดพุทไธสวรรค์ วัดราชบูรณะ วัดอโยธยา วัดมเหยงค์ และวัดใหญ่ชัยมงคล เป็นต้น
ในยุคที่กรุงศรีอยุธยายังคงรุ่งเรือง เป็นศูนย์กลางอำนาจการปกครองของชุมชนชาวสยามในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีเมื่อปี พ.ศ. 1893 ในครั้งนั้นได้มีการรวบรวมเมืองและชุมชนที่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ ได้แก่ เมืองสุพรรณบุรี เมืองลพบุรี เมืองสรรคบุรี เข้าด้วยกัน เมืองเหล่านี้จึงได้กลายมาเป็นเมืองบริวารของกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมา แม้กระทั่งกรุงสุโขทัยที่เคยมีอำนาจมาก่อน ก็ยังถูกผนวกเข้ามาเป็นเมืองบริวารของกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 1981
ด้วยความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน ส่งผลให้กรุงศรีอยุธยากลายเป็นศูนย์กลางอำนาจของไทยในยุคนั้น ซึ่งยาวนานถึง 417 ปี เนื่องจากกรุงศรีอยุธยามีตำแหน่งที่ตั้งที่ได้เปรียบ ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำล้อมรอบถึง 3 สาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี ทำให้กรุงศรีอยุธยากลายเป็นเมืองท่าสำคัญที่มีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ รวมทั้งยังเป็นผลดีต่อการเกษตรกรรมและแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ และยังเป็นปราการธรรมชาติในการป้องกันข้าศึกศัตรูอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้กรุงศรีอยุธยากลายเป็นเมืองที่มีความเจริญสูงสุดในยุคนั้น
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวารในปัจจุบัน จึงกลายเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตของกรุงศรีอยุธยา เป็นร่องรอยของศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นปราสาทราชวัง วัดวาอาราม ป้อมปราการ บ้านเรือนที่อยู่อาศัย ตลอดจนวิถีชีวิตของชาวกรุงศรีอยุธยา ซึ่งสะท้อนผ่านผลงานด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม ประณีตศิลป์ และวรรณกรรมต่างๆ ทำให้นครประวัติศาสตร์แห่งนี้ควรค่าแก่การอนุรักษ์อย่างยิ่ง