"มาฆบูชา" ย่อมาจากคำว่า "มาฆบุรณมี" แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือนมาฆะของอินเดีย วันมาฆบูชาจึงตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ถือกันว่าเป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันคล้ายกับวันประชุมกันเป็นพิเศษแห่งพระอรหันตสาวก โดยมิได้มีการนัดหมาย เรียกว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งมีขึ้น ณ บริเวณเวฬุวันมหาวิหาร
"วันจาตุรงคสันนิบาต" แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ 4 คือ
1. เหล่าพระภิกษุจำนวน 1,250 รูป ที่ได้ส่งไปจาริกเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้เดินทางกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมายกันมาก่อน
2. พระภิกษุทั้งหมดที่มาประชุมกันนั้นล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือ เป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า
3. พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ได้ "อภิญญา 6" คือ หูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติได้ แสดงฤทธิ์ได้ รู้จักกำหนดใจผู้อื่น และทำอาสวะกิเลสให้สิ้นไป
4. ตรงกับวันพระจันทร์เต็มดวงเสวยมาฆฤกษ์ หรือวันเพ็ญกลางเดือน 3 จึงเรียกว่า มาฆบูชา
จากเหตุการณ์นี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นเป็นโอกาสอันสมควรที่จะแสดง "โอวาทปาฎิโมกข์" หลักคำสอนอันเป็น "หัวใจพระพุทธศาสนา" เพราะหลักธรรมนี้ได้กล่าวถึง จุดหมาย หลักการ และวิธีการ ในการเข้าถึงพระพุทธศาสนา ดังนี้
• จุดหมาย คือ เป้าหมายสูงสุดในการดำเนินชีวิต มี 4 ประการ ได้แก่
1. นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา เกิดขึ้นได้จากการดำเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ 8 คือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ การพูดจาชอบ การทำงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งมั่นชอบ
2. ความสงบ ได้แก่ การปฏิบัติตนให้สงบทั้งกาย วาจา ใจ
3. ความอดทน ได้แก่ ความอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ
4. ความไม่เบียดเบียน ได้แก่ การงดเว้นจากการทำร้ายรบกวน หรือเบียดเบียนผู้อื่น
• หลักการ คือ หลักการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องมี 3 ประการ ได้แก่
1. การไม่ทำบาปทั้งปวง ได้แก่ การงดเว้นจากความชั่วด้วยกาย วาจา ใจ
2. การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การบำเพ็ญแต่ความดี
3. การทำจิตให้ผ่องใส ได้แก่ การทำจิตของตนให้ผ่องใส เป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง
• วิธีการ คือ แนวทางปฏิบัติฝึกหัดขัดเกลาตนและการเผยแผ่พระพุทธศาสนามี 6 ประการ คือ
1. ไม่กล่าวร้ายใคร
2. ไม่ทำร้ายคือไม่เบียดเบียนผู้อื่น
3. สำรวมในปาติโมกข์ คือ ดำรงตนอยู่ในวินัยให้ดี
4. บริโภคใช้สอยปัจจัยสี่อย่างพอดี
5. ยินดีพอใจในที่อันสงัด คือ อยู่ในสถานที่ที่สงบและมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
6. บำเพ็ญเพียรฝึกจิตให้สงบ
วันมาฆบูชาจึงถือได้ว่าเป็นวันกำเนิดของพระธรรม เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ประกาศ หลักธรรม คำสั่งสอนของพระองค์ เพื่อให้พระอรหันต์ทั้งหลายที่มาประชุมกันในวันนั้นนำไปเผยแผ่สืบทอดกันออกไป
สำหรับวันมาฆบูชาในประเทศไทย เกิดขึ้นในสมัยแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดให้มีพระราชพิธีมาฆบูชาขึ้นเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2394 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และได้ถือปฏิบัติสืบมาจนถึงทุกวันนี้
ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของวันมาฆบูชาที่ถือเป็น "วันแห่งความรักของพุทธศาสนา" เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงออกซึ่งความรักต่อมวลมนุษชาติอย่างแท้จริง ทรงลำบากพระวรกายเผยแผ่พระศาสนาจนตลอดพระชนม์ชีพ 45 ปี ด้วยอยากจะให้มวลมนุษยชาติได้เข้าถึงหนทางแห่งความสุขภายในอันประเสริฐ และถือเหตุการณ์ที่เหล่าสาวกทั้งหมดได้กลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยความรักในพระองค์หลังจากได้ออกไปเผยแพร่พุทธศาสนาโดยมิได้นัดหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีอันบริสุทธิ์ โดยช่วงวันมาฆบูชามักจะใกล้กับช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ซึ่งวัยรุ่นไทยส่วนใหญ่มักยึดถือค่านิยมวันแห่งความรักในวันวาเลนไทน์ผิด ๆ โดยถือกันว่าเป็นวันแห่งความรักของคนหนุ่มสาว หรือแม้กระทั่งถือว่าเป็น "วันเสียตัวแห่งชาติ" ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่านิยมทางจริยธรรมและศีลธรรมของวัยรุ่นไทย รัฐบาลไทยในสมัยนั้นจึงได้ประกาศให้เป็น "วันกตัญญูแห่งชาติ" เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่เหมาะสมแก่วัยรุ่นไทย ให้หันมาสนใจกับความรักอันบริสุทธิ์ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน แทนที่จะไปมัวเมากับความรักใคร่เชิงชู้สาว อันจะก่อให้เกิดปัญหาแก่สังคมตามมา
เนื่องด้วยวันแห่งความรักของพระพุทธศาสนา วันมาฆบูชา ที่จะถึงนี้ ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญกุศล ทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ บริจาคทาน เวียนเทียนที่วัดในช่วงเย็น และทำกิจกรรมต่าง ๆ ทางศาสนาร่วมกัน รวมทั้งนำหลักธรรมคำสอนมาเป็นแนวทางปฏิบัติในชีวิตประจำวันกันค่ะ