รสชาติอาหารไทยเป็นที่เลื่องลือกันมาช้านานแล้วนะคะ โดยเฉพาะอาหารไทยตำรับชาววัง ซึ่งมักจะมีปรากฏอยู่ในวรรณคดีไทยค่ะ คราวนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับอาหารไทยในวรรณคดีเรื่องหนึ่งนะคะ
เคยได้ยินชื่อกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานกันหรือเปล่าคะ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน คือ กาพย์เห่เรือ เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือรัชกาลที่ 2 ค่ะ พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เพื่อใช้เป็นบทเห่เรือพระที่นั่ง ในยามเสด็จประพาสส่วนพระองค์ และอีกเหตุผลก็เพื่อชมฝีพระหัตถ์ในการปรุงเครื่องเสวย ของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี หรือพระอัครมเหสีนั่นเองค่ะ
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานนี้ขึ้นต้นด้วยโคลงสี่สุภาพ แล้วตามด้วยกาพย์ยานี 11 ค่ะ มีทั้งบทเห่ชมเครื่องคาวที่กล่าวถึงอาหารคาว 15 ชนิด และบทเห่ชมเครื่องหวาน ที่กล่าวถึงอาหารหวาน 15 ชนิดค่ะ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานนี้ นับเป็นวรรณคดีไทยที่สำคัญ เป็นเรื่องที่คนไทยควรได้รู้จักกันเรื่องหนึ่งเลยค่ะ เพราะสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมด้านอาหารการกินในราชสำนัก ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 2 อีกทั้งยังมีคุณค่าในเชิงวรรณศิลป์เป็นอย่างยิ่ง ขอยกตัวอย่างมาให้อ่านกันสักเล็กน้อยนะคะ
เห่ชมเครื่องคาว
มัศหมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา ยี่ปุ่นล้ำยำยวนใจ
เห่ชมเครื่องหวาน
สังขยาหน้าตั้งไข่ เข้าเหนียวใส่สีโสกแสดง
เป็นนัยไม่เคลือบแคลง แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
ซาหริ่มลิ้มหวานล้ำ แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพย์หริ่มพิมเสนโรย
กาพย์ยานี 11 ทั้ง 4 บทที่ยกมานี้ กล่าวถึงอาหารคาว 2 ชนิด คือ แกงมัสมั่น และยำใหญ่ อาหารหวาน 2 ชนิด คือ ข้าวเหนียวสังขยา และซาหริ่มค่ะ เป็นการกล่าวชื่นชมฝีมือการทำอาหาร และเชื่อมโยงเปรียบเปรยกับความรักที่พระองค์มีต่อพระอัครมเหสีด้วยค่ะ ถ้าใครสนใจ อยากจะอ่านแบบเต็มๆ ก็ลองไปหามาอ่านกันนะคะ