หลายครั้งที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินได้ฟังชื่อพรรณไม้พิเศษต่าง ๆ ที่มีสร้อยต่อท้ายชื่อด้วยพระนามของพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งคล้ายกับเป็นการระบุถึงคุณสมบัติหรือความสวยความงามที่มีมากเป็นพิเศษกว่าพันธุ์ไม้สายพันธุ์อื่น และพันธุ์ไม้เหล่านี้ก็มักจะหายากหรือพบได้ยากเป็นพิเศษด้วย

          และด้วยความพิเศษต่าง ๆ นานานี้เองที่ทำให้พรรณไม้งามเหล่านี้ได้กลายเป็นพรรณไม้ภายใต้พระนามราชสกุลพระมหากษัตริย์ สำหรับครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพรรณไม้ในพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 6 ชนิด คือ กล้วยไม้แคทลียาควีนสิริกิติ์ กุหลาบควีนสิริกิติ์ ดอนญ่าควีนสิริกิติ์ บัวควีนสิริกิติ์ โมกราชินี และมหาพรหมราชินี

          กล้วยไม้แคทลียาควีนสิริกิติ์ เป็นกล้วยไม้แคทลียาลูกผสมที่เคยได้รับรางวัลจากประเทศอังกฤษ ว่ากันว่าเป็นแคทลียาที่สวยงามยอดเยี่ยมและหาที่ติไม่ได้ โดยดอกจะมีสีขาว แต้มสีเหลืองทองที่กลีบด้านใน มีขนาดใหญ่ มีกลิ่นหอม และออกดอกตลอดปี ด้วยความพิเศษนี้จึงได้กลายมาเป็นหนึ่งในพรรณไม้ภายใต้พระนามพระราชินี และยังใช้เป็นสัญลักษณ์ของวันสตรีไทย หรือ 1 สิงหาคมของทุกปีด้วย

          กุหลาบควีนสิริกิติ์ เป็นกุหลาบลูกผสมอีกเช่นกัน เคยได้รับรางวัลจากประเทศฝรั่งเศส เป็นดอกกุหลาบสีเหลืองสดใสขนาดใหญ่ ปลายกลีบจะเปลี่ยนเป็นสีส้มเรื่อ ๆ เมื่ออยู่กลางแดด และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เรียกได้ว่ามีความสวยงามตระการตาจนมีคำบรรยายไว้ว่า "ดุจพระราชินีแห่งประเทศไทยผู้ทรงพระสิริโฉม เป็นเสน่ห์แบบตะวันออก ที่เหนือตะวันตก" ด้วยความพิเศษนี้จึงกลายมาเป็นดอกไม้ในพระนามพระราชินีอีกหนึ่งชนิด

          ดอนญ่าควีนสิริกิติ์ ก็เป็นลูกผสมอีกเช่นเดียวกัน ดอนญ่าสายพันธุ์ใหม่นี้ได้รับการผสมขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ เป็นดอนญ่าที่มีใบประดับขนาดใหญ่ มีสีชมพูอ่อนและตัดเส้นขอบด้วยสีแดง เมื่อถูกแสงแดดจะเห็นประกายสีเงินระเรื่อ ดอกย่อยเป็นสีเหลือง และออกดอกเป็นช่ออยู่บนใบประดับ จัดเป็นดอนญ่าที่มีความสวยงามน่ารักเป็นพิเศษ จึงได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งพรรณไม้ในพระนามพระราชินี

          บัวควีนสิริกิติ์ เป็นลูกผสมของบัวผันไทยและบัวฝรั่ง มีสองสีในดอกเดียว โดยโคนกลีบมีสีขาวและปลายกลีบมีสีม่วง ซึ่งเป็นสีม่วงแบบพิเศษที่ยังไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน กลีบดอกซ้อนกันหลายชั้น และมีเกสรสีเหลืองสดใส จัดเป็นดอกบัวที่งดงามกว่าสายพันธุ์อื่น จึงได้กลายมาเป็นพรรณไม้ในพระนามพระราชินีในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา

          โมกราชินี เป็นดอกโมกชนิดใหม่ของโลกที่ถูกค้นพบในจังหวัดสระบุรี ประเทศไทยเรานี่เองค่ะ มีดอกสีขาว ออกดอกเป็นช่อ มีเกสรสีขาวแตกเป็นฝอยอยู่กลางดอก และส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทั้งวัน จัดเป็นดอกโมกที่สวยงามแปลกตา พบเฉพาะในไทย และหายากมาก พิเศษขนาดนี้ก็เลยกลายมาเป็นอีกหนึ่งพรรณไม้ในพระนามพระราชินีค่ะ

          มาถึงพรรณไม้สุดท้ายกันแล้วนะคะ ซึ่งก็คือ มหาพรหมราชินี อีกหนึ่งสายพันธุ์ใหม่ของโลกที่ถูกค้นพบในจังหวัดแม่ฮ่องสอนของไทยเรานี่เอง จัดเป็นสายพันธุ์หายากอีกเช่นกัน มีกลีบดอกสองชั้น กลีบชั้นนอกมีสีขาวและโคนกลีบเป็นสีเขียว กลีบชั้นในเป็นสีม่วงเข้ม ขอบกลีบเป็นคลื่น มองดูคล้ายรูปกระเช้า ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตลอดวัน ด้วยความสวยงามแปลกตาเป็นพิเศษนี้เอง จึงกลายมาเป็นพรรณไม้ชนิดสุดท้ายในพระนามของพระราชินีค่ะ

          ทั้งหมดนี้คือพรรณไม้ภายใต้พระนามพระราชินีที่พบในปัจจุบัน แต่ในอนาคตอาจจะมีเพิ่มขึ้นอีกก็ได้ ก็ต้องติดตามกันต่อไปนะคะ แต่ความพิเศษที่เหมือนกันก็คือความงดงามเป็นพิเศษ ในแบบที่เหมาะสมกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถของเราค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก www.royalparkrajapruek.org  ค่ะ