นิราศภูเขาทองคือหนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญของพระสุนทรโวหาร หรือที่รู้จักกันในนามสุนทรภู่ กวีเอกของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นค่ะ ซึ่งผลงานของสุนทรภู่ล้วนเป็นวรรณคดีที่สำคัญ และยังคงมีให้เด็กๆ ได้เรียนรู้กันอยู่ในปัจจุบันนะคะ
นิราศภูเขาทองได้รับการยกย่องว่าเป็นนิราศเรื่องที่ดีที่สุดของสุนทรภู่ แต่งขึ้นเมื่อคราวที่บวชเป็นพระภิกษุและเดินทางไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทองที่กรุงเก่า ซึ่งก็คือจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบันนั่นเองค่ะ โดยแต่งขึ้นในปีพ.ศ. 2371 นิราศภูเขาทองเป็นกลอนนิราศ เริ่มต้นด้วยวรรครับ จบด้วยวรรคส่ง ลงท้ายด้วยคำว่าเอย และมีความยาวเพียง 89 คำกลอนเท่านั้น แต่เป็นนิราศที่มีความไพเราะและเรียบง่ายตามแบบฉบับของสุนทรภู่ค่ะ
นิราศภูเขาทองใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย บรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น และเล่าถึงสภาพเส้นทางที่กำลังเดินทางไปด้วย โดยมักจะเป็นการเปรียบเทียบชีวิตและโชคชะตากับธรรมชาติรอบข้างที่เดินทางผ่าน
สุนทรภู่เล่าถึงการเดินทางในนิราศภูเขาทองไว้ว่า เดินทางด้วยการล่องเรือไปในแม่น้ำเจ้าพระยากับลูกชาย ผ่านวัดประโคนปัก บางยี่ขัน บางพลัด ผ่านตลาดแก้วตลาดขวัญในจังหวัดนนทบุรี ผ่านย่านชาวมอญเกาะเกร็ด เข้าสู่เมืองสามโคกในจังหวัดปทุมธานี แล้วเข้าเขตอยุธยา จอดเรือไว้ที่ท่าวัดพระเมรุ ค้างคืนในเรือ เมื่อถึงรุ่งเช้าก็ลงจากเรือแล้วเดินทางไปที่เจดีย์ภูเขาทอง ซึ่งเป็นเจดีย์ร้างในขณะนั้น ได้เก็บพระบรมธาตุมาไว้ในขวดแก้วเพื่อจะเอากลับไปนมัสการที่กรุงเทพฯ แต่สุดท้ายพระบรมธาตุก็หายไป จึงได้เดินทางกลับอย่างเสียดาย
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างนิราศภูเขาทองบางท่อนบางตอน ไปอ่านกันค่ะ
ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา
เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย
โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย
นี่หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ ที่จิตใครจะเป็นหนึ่งอย่าพึงคิดฯ
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ