ทุเรียนมีประวัติศาสตร์ด้วยหรือ? มีค่ะ จริงๆ แล้วทุกสิ่งล้วนมีประวัติศาสตร์หรือประวัติความเป็นมากันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่ง "ทุเรียน" ค่ะ ผลไม้ชนิดนี้จะมีประวัติศาสตร์อะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ
อันดับแรกขอเล่าถึงชื่อเรียกก่อน คำว่า ทุเรียน หรือ durian มีรากศัพท์มาจากภาษามลายูค่ะ โดยมาจากคำว่า duri ที่แปลว่า หนาม ซึ่งตรงกับรูปร่างลักษณะของทุเรียนที่มีเปลือกเป็นหนามนั่นล่ะค่ะ
ทุเรียนเป็นที่รู้จักและบริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้วค่ะ แต่สำหรับโลกตะวันตกนั้นเพิ่งรู้จักทุเรียนมาประมาณ 600 ปี โดยในอดีตเคยมีนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษคนหนึ่งได้เล่าถึงทุเรียนไว้ว่า "เนื้อในมันเหมือนคัสตาร์ดอย่างมาก และรสชาติคล้ายอัลมอนด์" นี่คือทุเรียนในทัศนะของโลกตะวันตกค่ะ ส่วนสาเหตุที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รู้จักทุเรียนก่อนตะวันตกนั้นก็เพราะว่า ทุเรียนเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั่นเองค่ะ ซึ่งประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของทุเรียนก็คือประเทศบรูไน อินโดนีเซีย และมาเลเซียค่ะ
สำหรับทุเรียนในประเทศไทยนั้นมีมานานแล้ว และมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรที่กล่าวถึงทุเรียนไทยอย่างชัดเจนในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ค่ะ โดยกล่าวว่าทุเรียนเป็นผลไม้ที่นิยมกันมากในสมัยดังกล่าว และในปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่นิยมกันอยู่นะคะ ซึ่งสายพันธุ์ที่เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน คือ พันธุ์ชะนี และพันธุ์หมอนทองค่ะ
ถึงแม้ว่าไทยจะไม่ใช่ประเทศต้นกำเนิดของทุเรียน แต่เราสามารถปลูกทุเรียนได้ในทุกพื้นที่ของประเทศเลยค่ะ โดยเฉพาะในจังหวัดจันทบุรีที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางของทุเรียนไทย และเป็นแหล่งปลูกทุเรียนที่มีคุณภาพที่สุดในประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันนี้เราได้กลายเป็นผู้ส่งออกรายหลักๆ ในการส่งออกทุเรียนไปแล้วค่ะ ส่วนรองลงมาคือมาเลเซียและอินโดนีเซียค่ะ โดยในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปีก็จะมีการจัดงานมหกรรมทุเรียนโลกในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบทุเรียนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติค่ะ
อย่างที่ทราบกันดีว่าทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นเฉพาะตัว สำหรับคนที่ชอบอาจจะบอกว่าหอม แต่ใครที่ไม่ชอบก็อาจจะบอกว่าเหม็นได้นะคะ และถึงแม้จะมีรสชาติอร่อย แต่ในทุเรียนนั้นอุดมไปด้วยกำมะถันและไขมัน ดังนั้นทานมากไปก็ไม่ดีนะคะ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานก็ต้องควบคุมปริมาณกันหน่อยค่ะ