วันอนุรักษ์มรดกไทยตรงกับวันที่ 2 เมษายนของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีด้วยค่ะ และในฐานะที่พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงในงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ จึงมีการกำหนดให้วันนี้เป็นวันอนุรักษ์มรดกไทยค่ะ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายพระสมัญญาว่าทรงเป็น "เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย" และทรงเป็น "วิศิษฎศิลปิน" ซึ่งหมายความว่า ทรงมีพระอัจฉริยะภาพและพระปรีชาสามารถในศิลปะหลายสาขา พระองค์ทรงมีคุณูปการต่อเหล่าศิลปินและศิลปวัฒนธรรมของชาติเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังทรงเป็นนักปราชญ์ที่มีความรอบรู้ในวัฒนธรรมด้านต่างๆ เป็นอย่างดีอีกด้วย
พระองค์ทรงงานด้านฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมของชาติอยู่เสมอ ทั้งการอนุรักษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทยแต่ละแขนง ไม่ว่าจะเป็น การช่างไทย วรรณกรรมไทย ดนตรีไทย นาฏศิลป์ พิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน อาหารไทย และวิถีชีวิตไทยในด้านต่างๆ รวมทั้งทรงพระราชทานพระราชูปถัมภ์แก่เหล่าศิลปินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศิลปินแห่งชาติหรือศิลปินพื้นบ้านค่ะ
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงสนพระทัยในด้านศิลปะและดนตรีเป็นพิเศษ โดยทรงพระราชนิพนธ์คำร้องของหลายบทเพลง เช่น เต่าเห่ กลางพนา ฯ และทรงบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีได้หลากหลายชิ้นทั้งของไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะระนาดเอกที่ทรงโปรดเป็นพิเศษ ส่วนในด้านศิลปะ พระองค์ก็ทรงมีผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์หลากหลายชิ้น รวมทั้งยังมีหนังสือที่ทรงพระนิพนธ์เองอีกหลายเล่ม เช่น พระราชนิพนธ์ตอนเสด็จเยือนประเทศต่างๆ ความเรียง ร้อยกรอง หนังสือแปล และผลงานทางวิชาการต่างๆ ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้คือตัวอย่างในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยอยู่เสมอค่ะ
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อวงการศิลปะและวัฒนธรรมของไทย รัฐบาลจึงได้มีมติประกาศให้วันที่ 2 เมษายนของทุกปีเป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่ทรงเป็นองค์เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย และเพื่อรณรงค์ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมของชาติไทยต่อไปค่ะ