ความเชื่ออย่างหนึ่งของคนไทยและคนลาวที่มีมาแต่โบราณ คือเชื่อว่า ทุกคนเกิดมาพร้อมกับสิ่งนามธรรมอย่างหนึ่งที่เรียกกันว่า "ขวัญ" ซึ่งมีหน้าที่รักษา ประคับประคองชีวิต และติดตามเจ้าของไปทุกหนแห่ง ดังนั้นการทำพิธีสู่ขวัญจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นตามความเชื่อดังกล่าว และเป็นที่มาที่ทำให้เกิดพิธีกรรมที่เรียกว่า "พิธีบายศรีสู่ขวัญ"
พิธีบายศรีสู่ขวัญ มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่น พิธีบายศรี พิธีสู่ขวัญ พิธีทำขวัญ หรือพิธีรับขวัญ เป็นต้น การทำพิธีบายศรีสู่ขวัญเป็นการเชิญขวัญที่หนีหายไปให้เข้ามาอยู่กับตัว เป็นการส่งเสริมพลังใจให้เข้มแข็ง มีสติ และไม่ประมาท เพราะเรื่องขวัญและกำลังใจเป็นเรื่องที่คนโบราณให้ความสำคัญมาก จึงทำให้พิธีบายศรีสู่ขวัญกลายเป็นประเพณีที่ผู้คนถือปฏิบัติกันเรื่อยมา แม้กระทั่งในปัจจุบันก็ยังคงให้ความสำคัญกับประเพณีบายศรีสู่ขวัญอยู่ และนอกจากคนไทยแล้ว คนลาวก็ถือเป็นประเพณีสำคัญในวิถีชีวิตเช่นกัน
การทำพิธีบายศรีสู่ขวัญจะต้องใช้เครื่องประกอบพิธีเป็นเครื่องเชิญขวัญ มีชื่อเรียกว่า "บายศรี" ส่วนใหญ่แล้วจะทำด้วยใบตอง มีรูปร่างคล้ายกระทง มีหลายขนาดและหลายรูปแบบ มักจะทำเป็นชั้นซ้อนกันหลายชั้น เช่น 3 ชั้น 5 ชั้น 7 ชั้น 9 ชั้น เป็นต้น มีเสาปักเป็นแกนตรงกลาง มีเครื่องสังเวยวางอยู่ในบายศรี และที่สำคัญที่สุดคือมีไข่ขวัญหรือไข่ต้มเสียบอยู่บนยอดบายศรี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นของมงคล
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่าบายศรีอาจจะประดิษฐ์ขึ้นมาจากคติความเชื่อของพราหมณ์ ซึ่งพิจารณาจากความนิยมใช้ใบตองเป็นเครื่องประกอบพิธีตามอย่างพราหมณ์ และรูปทรงของบายศรีที่ทำหลายชั้นเพื่อจำลองเขาพระสุเมรุตามความเชื่อของพราหมณ์ ตลอดจนเครื่องสังเวยก็คล้ายกับในพิธีพราหมณ์ รวมทั้งพิธีการเวียนเทียนและการเจิม ก็เป็นส่วนหนึ่งของพิธีพราหมณ์เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามประเพณีบายศรีสู่ขวัญก็ถือเป็นประเพณีสำคัญที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตคนไทยและคนลาวมาตลอด ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน