นกแต้วแร้วท้องดำ (Gurney's Pitta หรือ Black-breasted Pitta) เป็นสัตว์ป่าสงวนของไทยตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 เช่นเดียวกับ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร แรด กระซู่ กูปรีหรือโคไพร ควายป่า ละองหรือละมั่ง เลียงผา กวางผา นกกระเรียน แมวลายหินอ่อน สมัน สมเสร็จ เก้งหม้อ และพะยูน
นกแต้วแร้วท้องดำเป็นนกขนาดเล็ก ลำตัวสั้นป้อม ความยาวทั้งหมดประมาณ 20 เซนติเมตร ตาสีดำโตใส ปากแหลมและสั้นเนื่องจากกินเมล็ดพืช แมลง และไส้เดือนเป็นอาหาร เป็นนกที่มีความสวยงาม มีสีสันจัดจ้านโดยเฉพาะตัวผู้ แต่โดยรวมแล้วนกทั้งสองเพศจะมีลักษณะคล้ายกันต่างที่สีขนและขนาดตัว นกตัวผู้จะมีสีสด ส่วนหัวมีสีดำ กระหม่อมและท้ายทอยมีสีฟ้าน้ำเงิน คอสีเหลืองสด บริเวณอกตอนล่างไปถึงท้องมีสีดำสนิท ส่วนตัวเมียจะมีสีสดใสน้อยกว่า ส่วนหัวและหลังมีสีน้ำตาล ปลายหางสีฟ้า ไม่มีแถบสีดำบริเวณหน้าอก โดยนกแต้วแร้วท้องดำจัดเป็นหนึ่งในนกแต้วแร้ว 12 ชนิดที่พบในประเทศไทย
นกแต้วแร้วท้องดำจะออกไข่เพียงคราวละ 3-4 ฟองเท่านั้น เป็นนกที่ต้องการพื้นที่ป่ามาก มักอยู่เดี่ยวๆ มีอาณาเขตของตัวเอง อยู่ประจำถิ่น ไม่มีการอพยพ ส่วนใหญ่ชอบสร้างรังอยู่บนต้นหวาย ต้นกะพ้อ และเถาวัลย์ มีการกระจายตัวอยู่บริเวณที่ราบต่ำมากๆ ขึ้นไปถึงที่ราบเชิงเขาที่มีระดับความสูงไม่เกิน 200 เมตร หรือพื้นที่ป่าใหม่จากการแผ้วถางที่มีแหล่งน้ำและความชื้น พบในประเทศไทยและพม่าเท่านั้น ซึ่งในประเทศไทยคาดว่าพบได้เพียงแห่งเดียว คือ บริเวณป่าที่ราบต่ำเขานอจู้จี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม จ.กระบี่ โดยในช่วงปีพ.ศ. 2556 มีการสำรวจประชากรนกแต้วแร้วท้องดำ พบทั้งสิ้น 13 คู่ คาดว่าในปัจจุบันคงเหลืออยู่ประมาณ 13-20 คู่ ซึ่งจัดอยู่ในสถานภาพใกล้สูญพันธุ์แล้ว
สาเหตุสำคัญที่ทำให้นกแต้วแร้วท้องดำใกล้สูญพันธุ์ คือ การบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำสวนยาง ทำไร่เกษตรกรรม การเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเกินไป ทำให้เกิดความวุ่นวายเสียงดัง รวมทั้งยังมีการลักลอบจับนกไปขายเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
จากการประเมินสถานภาพ จัดว่านกแต้วแร้วท้องดำมีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์มาก โดยเฉพาะในประเทศไทย ดังนั้นจึงสมควรที่จะเพิ่มความคุ้มครองในพื้นที่อยู่อาศัยให้กับนกแต้วแร้วท้องดำมากขึ้น เพื่อให้นกสายพันธุ์นี้ยังคงมีอยู่ให้เราได้พบเห็นกันต่อไป