พระธรรมสิงหบุราจารย์ หรือที่เรารู้จักกันในนามหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม เป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ดำรงตำแหน่งล่าสุดคือเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี และเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 3
หลวงพ่อจรัญมีนามเดิมว่า จรัญ จรรยารักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2471 ที่บ้านบางม่วงหมู่ ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี เป็นบุตรคนที่ 5 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 11 คน หลวงพ่อจรัญอุปสมบทเมื่อปีพ.ศ. 2491 ที่วัดพรหมบุรี ซึ่งท่านได้รับฉายาว่า "ฐิตธัมโม"
เมื่ออุปสมบทแล้วท่านได้ธุดงค์ไปตามป่าเขา และวัดต่างๆ เพื่อแสวงหาความรู้และประสบการณ์ทั้งทางสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน รวมทั้งได้ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิชากับพระอาจารย์หลายท่านหลายวิชา เช่น คชศาสตร์ การทำเครื่องรางของขลัง น้ำมันมนต์ สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน พระอภิธรรม การพยากรณ์ และความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางจิต เป็นต้น
หลวงพ่อจรัญมีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นพระนักพัฒนา พระนักเทศน์ และพระวิปัสสนาจารย์ โดยแนวทางการสืบทอดพระพุทธศาสนาของท่านจะเน้นหนักไปในเรื่องการสั่งสอนเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม ท่านมักจะยกเหตุการณ์ที่ท่านประสบและนับเป็นกฎแห่งกรรมขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์อยู่เสมอ รวมทั้งเน้นการพัฒนาจิตใจคนด้วยการทำวิปัสสนากรรมฐานด้วยหลักสติปัฏฐาน 4 แบบพองหนอ-ยุบหนอ นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้ส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนหมั่นสวดมนต์ด้วยพุทธชัยมงคลคาถา (พาหุงมหากา) เพื่อเป็นเครื่องเจริญสติอย่างแพร่หลายอีกด้วย
ตลอดระยะเวลาในการสืบทอดพระพุทธศาสนาของท่าน ท่านได้รับรางวัลเกียรติคุณและได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ มากมาย ซึ่งตำแหน่งล่าสุดของท่านคือ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน และที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 3 โดยได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมสิงหบุราจารย์ ภาวนาปฏิภาณโกศล โสภณธรรมานุสิฐ พิพัฒน์กิจสุนทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าหลวงพ่อจรัญได้เข้ารับการรักษาอาการอาพาธในโรงพยาบาลศิริราชเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ด้วยอาการหอบเหนื่อยจากโรคปอดอักเสบ จนระยะหลังอาการทรุดลงทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว และถึงแก่มรณภาพอย่างสงบในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 8.37 นาฬิกา ด้วยอายุ 87 ปี 67 พรรษา
ถึงแม้หลวงพ่อจรัญจะมรณภาพแล้ว แต่เชื่อว่าคำสอนต่างๆ ของท่านจะยังคงอยู่ในจิตใจของลูกศิษย์ทุกคนเสมอ รวมทั้งตัวท่านก็จะยังคงเป็นที่เคารพรักของบรรดาลูกศิษย์ตลอดไปเช่นกัน
" คนโบราณท่านมีคติดี เวลาไปไหนมาไหนต้อง นิ่งได้ ทนได้ รอได้ ช้าได้ ดีได้
คนสมัยนี้นิ่งไม่ได้ ปากไม่ดี ทนไม่ได้ อยู่ไม่ได้อีก รอก็ไม่ได้ ช้าก็ไม่ได้ จึงเอาดีกันไม่ค่อยจะได้
ในยุคสมัยใหม่ปัจจุบันนี้ สิ่งเหล่านี้มีความหมายมาก แต่ทุกคนไม่เคยคิด "
...หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม...