ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช หรือศิลาจารึกหลักที่ 1 เป็นศิลาจารึกที่บันทึกประวัติศาสตร์สมัยกรุงสุโขทัย ถูกค้นพบในปีพ.ศ. 2376 ผู้ค้นพบก็คือเจ้าฟ้ามงกุฎฯ ซึ่งทรงผนวชอยู่ในตอนนั้น โดยพระองค์ทรงพบที่เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย อ.เมือง จ.สุโขทัย
ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีลักษณะเป็นหลักสี่เหลี่ยมด้านเท่า มียอดแหลมมน สูง 111 ซม. หนา 35 ซม. สลักจากหินทราย มีข้อความจารึกทั้งสี่ด้าน โดยด้านที่ 1 และด้านที่ 2 มี 35 บรรทัด ด้านที่ 3 และด้านที่ 4 มี 27 บรรทัด ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชจัดเป็นจารึกอักษรไทยที่เก่าที่สุด และเป็นแม่แบบให้กับรูปอักษรไทยในสมัยปัจจุบัน
เนื้อหาในศิลาจารึกหลักนี้มีทั้งหมด 124 บรรทัด เป็นเรื่องราวทางวิชาการหลายสาขา ทั้งในด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ภาษาศาสตร์ วรรณคดี ศาสนา และจารีตประเพณี โดยแยกออกเป็นแต่ละด้าน ดังนี้
ด้านนิติศาสตร์ กล่าวถึงการกำหนดสิทธิเสรีภาพของประชาชน การคุ้มครองเชลยศึก และข้อความที่เสมือนเป็นบทบัญญัติในกฎมณเฑียรบาล กฎหมายแพ่งลักษณะครอบครัวและมรดก ตลอดจนการพิจารณาความแพ่งและอาญา
ด้านรัฐศาสตร์ กล่าวถึงความใกล้ชิดระหว่างกษัตริย์กับประชาชน มีข้อความว่าพ่อขุนรามคำแหงโปรดให้ข้าราชบริพารเข้าเฝ้าปรึกษาราชการได้ทุกวัน ยกเว้นวันพระ และเปิดโอกาสให้ราษฎรมาสั่นกระดิ่งเพื่ออุทธรณ์ฎีกาได้ทุกเมื่อ
ด้านเศรษฐกิจ มีข้อความจารึกไว้ว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจในสมัยสุโขทัยนั้นมีความมั่นคงมาก มีการทำชลประทาน การเกษตรกรรมอุดมสมบูรณ์ และมีการค้าขายโดยเสรี
ด้านประวัติศาสตร์ กล่าวถึงความรุ่งเรืองของชาติไทยในสมัยสุโขทัย ประวัติราชวงศ์สุโขทัย ประวัติการรวบรวมอาณาจักรไทยให้เป็นปึกแผ่น ประวัติการค้าโดยเสรี ประวัติการสืบสร้างพระพุทธศาสนา และการประดิษฐ์ลายสือไทย
ด้านภูมิศาสตร์ มีการระบุอาณาเขตของอาณาจักรสุโขทัยไว้อย่างชัดเจน ทิศตะวันออกจดเวียงจันทน์ เวียงคำ ทิศใต้จดศรีธรรมราชและฝั่งทะเล ทิศตะวันตกถึงหงสาวดี ทิศเหนือถึงเมืองแพร่ น่าน พลั่ว และมีการกล่าวชื่อเมืองสำคัญหลายเมือง เช่น เชลียง เพชรบุรี นอกจากนี้ยังกล่าวถึงแหล่งทำมาหากินและแหล่งที่อยู่อาศัยของชาวเมืองสุโขทัยไว้ด้วย
ด้านศาสนา กล่าวถึงการอุปถัมภ์เชิดชูพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีการสร้างปูชนียสถานและปูชนียวัตถุเป็นจำนวนมาก พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยมีความงดงามทางศิลปะอย่างยิ่ง รวมทั้งมีประเพณีต่างๆ เช่น ประเพณีรักษาศีล ฟังธรรม ทอดกฐิน ประเพณีการเผาเทียนเล่นไฟ เป็นต้น
ด้านภาษาศาสตร์ ใช้ตัวอักษรลายสือไทยในการจารึก ซึ่งเป็นตัวอักษรที่สมบูรณ์ทั้งสระและพยัญชนะ สามารถเขียนคำได้ทุกคำ เลียนเสียงภาษาต่างประเทศได้ ใช้อักขรวิธีแบบเรียงในบรรทัดเดียวกัน ประหยัดเนื้อที่และเวลาในการเขียน และยังจัดว่าศิลาจารึกหลักนี้คือวรรณคดีเรื่องแรกของไทยอีกด้วย
ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกจากยูเนสโกเมื่อปีพ.ศ. 2546 ด้วยเหตุผลว่าศิลาจารึกหลักนี้ถูกพิจารณาให้เป็นมรดกเอกสารหลักที่มีความสำคัญระดับโลก ให้ข้อมูลอันมีค่าแก่แก่นหลักของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลกหลายอย่าง รวมทั้งยังมีการบรรยายถึงรัฐสุโขทัยได้อย่างละเอียดอีกด้วย ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชจึงนับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของไทยค่ะ