พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์เสด็จขึ้นครองพระราชสมบัติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 จนถึงปัจจุบัน ทำให้พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เสวยราชย์นานที่สุดในประเทศไทยและในโลก

            พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชสมภพในราชสกุลมหิดลซึ่งเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น ประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากในเวลานั้นพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีกำลังทรงศึกษาวิชาการอยู่ที่นั่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระโอรสองค์เล็กในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ ซึ่งภายหลังกลายเป็นสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา ซึ่งภายหลังกลายเป็นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่านั่นเอง

            พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเชษฐภคินี 1 พระองค์ และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 1 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลหรือรัชกาลที่ 8

            หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองพระราชสมบัติแล้ว ได้มีการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 โดยประกอบพระราชพิธีที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ซึ่งเฉลิมพระปรมาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"

            และในโอกาสนั้นพระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า ตามโบราณราชประเพณี เมื่อสมเด็จพระมหากษัตริย์ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว ย่อมโปรดให้สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระอัครมเหสีขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชินี ดังนั้นพระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีด้วย

            พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจให้กับประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมาตลอด ภาพที่พระองค์กำลังทรงงานด้านต่างๆ คือภาพที่คุ้นเคยสำหรับเราชาวไทยเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปวัฒนธรรม วรรณคดี การพัฒนาชนบท การเกษตรและชลประทาน การแพทย์ การศึกษา รวมทั้งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมาย เช่น มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิโครงการหลวง โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา โครงการแก้มลิง โครงการฝนหลวง โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โครงการแกล้งดิน กังหันชัยพัฒนา เกษตรทฤษฎีใหม่ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น

            ซึ่งพระราชกรณียกิจทั้งหมดที่พระองค์ทรงทำเพื่อประเทศไทย ล้วนแต่ทำให้เกิดประโยชน์สุขแก่พวกเราชาวไทยทั้งสิ้น ดังนั้นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คนไทยทุกคนไม่ควรลืม