เครื่องหอมที่คนไทยในอดีตนิยมใช้กันมักจะได้จากแหล่งสำคัญ 2 แหล่ง คือ เครื่องหอมที่ได้จากพืช และเครื่องหอมที่ได้จากสัตว์ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะได้มาจากพืชเป็นหลัก ส่วนในปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่ และมีเครื่องหอมสังเคราะห์เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศในเขตร้อนและชุ่มชื้น ทำให้มีพันธุ์ไม้หลายชนิดที่มีกลิ่นหอม จึงสามารถนำส่วนต่างๆ ของพันธุ์ไม้หอมเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ทั้งจากส่วนของดอก เช่น ดอกมะลิ ดอกกุหลาบ ดอกพิกุล ดอกกระดังงาไทย ดอกพุทธชาด ดอกจันทน์กะพ้อ ดอกลำเจียก ดอกจำปี ดอกจำปา เป็นต้น จากส่วนของใบ เช่น ใบเตยหอม ใบมะกรูด ใบส้ม ตะไคร้หอม ใบสะระแหน่ ใบโหระพา ใบกะเพรา เป็นต้น จากส่วนของลำต้น เช่น เปลือกอบเชย ผิวมะกรูด เนื้อไม้กฤษณา แก่นจันทน์ เป็นต้น จากยางไม้ เช่น ยางกำยาน ยางหนาด ยางไม้กฤษณา เป็นต้น หรือจากผลและเมล็ด เช่น ลูกจันทน์ กานพลู พริกไทยดำ เป็นต้น
ส่วนเครื่องหอมที่ได้จากสัตว์มักสกัดมาจากต่อมหรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในตัวสัตว์ เช่น น้ำมันหอมจากต่อมน้ำมันในตัวบีเวอร์ น้ำมันหอมจากมูลปลาวาฬที่เรียกว่า "อำพัน" ซึ่งในบางครั้งการสกัดเอาน้ำมันหอมจากสัตว์อาจจะต้องมีการฆ่าสัตว์นั้นๆ เสียก่อน จึงทำให้ไม่เป็นที่นิยมกันนัก สำหรับเครื่องหอมสังเคราะห์ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็คือเครื่องหอมที่ปรุงแต่งจากสารเคมี แล้วทำกลิ่นเลียนแบบของจริง เช่น กลิ่นกุหลาบ กลิ่นมะลิ เป็นต้น
เครื่องหอมไทยในสมัยโบราณจะมีสูตรและวิธีการปรุงแตกต่างกันไปตามแต่ละสำนัก และจะมีการสืบทอดต่อกันมาเรื่อยๆ จากรุ่นสู่รุ่น มักจะเป็นเครื่องหอมจากพืชที่มีวิธีการผลิตคล้ายกัน แต่จะต่างกันตรงส่วนประกอบ ระยะเวลา และเคล็ดลับบางอย่าง สำหรับวิธีการผลิตที่นิยมใช้กันมีอยู่ 3 แบบ คือ การอบ การร่ำ และการปรุง
การอบคือการปรุงกลิ่นด้วยควันหรือดอกไม้หอม นิยมใช้ควันเทียน หรือดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมแรง แต่กลิ่นที่ได้จากการอบจะหอมเพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น การร่ำคือการอบกลิ่นหอมซับซ้อนหลายอย่าง โดยใช้ภาชนะเผาไฟแล้วใส่เครื่องหอมลงไปเพื่อให้เกิดควันที่มีกลิ่นหอม เช่น กลิ่นหอมของยางไม้ กลิ่นเนื้อไม้ กลิ่นดอกไม้ผสมกันหลายชนิด ภาชนะที่นิยมใช้คือโถกระเบื้อง เพราะจะทนไฟได้ดีที่สุด ส่วนการปรุงคือการรวมเครื่องหอมหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน เช่น การปรุงน้ำอบไทย ซึ่งต้องใช้ทั้งเครื่องหอมที่อบและเครื่องหอมที่ร่ำแล้วมาปรุงเข้าด้วยกัน
เครื่องหอมไทยที่เป็นที่นิยมกันมาก คือ ดินสอพอง แป้งร่ำ แป้งพวง บุหงารำไป น้ำปรุง น้ำดอกไม้สด น้ำอบไทย น้ำอบชาวบ้าน น้ำอบนางลอย เป็นต้น ซึ่งบางอย่างก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน เพียงแต่ความนิยมลดน้อยลงไป เพราะปัจจุบันมีตัวเลือกประเภทน้ำหอมมากขึ้นนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก valuablebook2.tkpark.or.th/2015/14/document6.html