วันที่ 14 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันประชาธิปไตย เป็นวันที่เราจะร่วมกันรำลึกถึงความกล้าหาญของวีรชนผู้เสียสละในเหตุการณ์การเมืองครั้งยิ่งใหญ่ของไทย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

            หลายคนขนานนามเหตุการณ์ที่เกิดในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ว่าเป็นเหตุการณ์วันมหาวิปโยค เพราะในวันนั้นได้เกิดเหตุโกลาหลทางการเมือง โดยมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดนับแสนคนออกมาร่วมกันเดินขบวน เพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญ เรียกร้องประชาธิปไตย และคัดค้านอำนาจเผด็จการของรัฐบาล

            เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างประชาชนและรัฐบาล มีการใช้กำลังทหาร ตำรวจ รถถัง และอาวุธเพื่อปราบปรามผู้ชุมนุม มีผู้คนบาดเจ็บ ล้มตาย และหายสาบสูญเป็นจำนวนมาก

            จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแก้ปัญหา ทำให้เหตุการณ์สงบลง และจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร รวมทั้งพันเอกณรงค์ กิตติขจร ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งและเดินทางออกนอกประเทศ จึงทำให้เหตุการณ์กลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง

            ภายหลังเหตุการณ์นี้ได้มีการก่อสร้าง "อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา" ขึ้นที่สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง โดยใช้เวลาสร้างนานถึง 28 ปี นอกจากนี้ยังมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และนำไปสู่การเลือกตั้งในต้นปีพ.ศ. 2518 ซึ่งในยุคนั้นเรียกกันว่าเป็น "ยุคฟ้าสีทองผ่องอำไพ"

            แต่เหตุการณ์ในประเทศก็ยังไม่สงบมากนัก ยังคงมีการเรียกร้องและเดินขบวนของกลุ่มชนชั้นต่างๆ ในสังคม ประกอบกับสถานการณ์ความมั่นคงของประเทศเริ่มได้รับอิทธิพลจากการรุกคืบของคอมมิวนิสต์และผลกระทบจากสงครามเวียดนาม จนนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดอีกครั้งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย คือเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519

            นอกจากนี้เหตุการณ์ 14 ตุลา ยังจัดว่าเป็นการเคลื่อนไหวของประชาชนที่ประสบความสำเร็จในยุคศตวรรษที่ 20 และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ประชาชนในประเทศอื่นๆ ในเวลาต่อมา เช่น เหตุการณ์จลาจลที่เมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น